ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดบวก 32 เซนต์ รับคาดการณ์ฮังการีอาจได้สิทธิใช้น้ำมันรัสเซีย  (อ่าน 32 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 89984
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดบวก 32 เซนต์ รับคาดการณ์ฮังการีอาจได้สิทธิใช้น้ำมันรัสเซีย
 
ข่าวต่างประเทศ Saturday November 8, 2025 06:45 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (7 พ.ย.) หลังจากตลาดมีความหวังว่า ฮังการีอาจสามารถใช้น้ำมันดิบจากรัสเซียได้ ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการีที่ทำเนียบขาว

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 63.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบทั้งสองชนิดลดลงราว 2% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลกเพิ่มปริมาณการผลิต

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดกำลังจับตาการพบกันระหว่างทรัมป์กับออร์บาน เพื่อดูว่าจะมีข้อตกลงใดที่อาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท Lukoil และ Rosneft ของรัสเซียหรือไม่

ฮังการียังคงพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มความขัดแย้งในยูเครนเมื่อปี 2565 ซึ่งทำให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปและองค์การนาโตออกมาวิจารณ์อย่างหนัก

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันร่วงลงในช่วงกลางวันหลังมีรายงานการลดเที่ยวบินจำนวนมาก เนื่องจากขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่ไม่ได้รับค่าจ้างเพราะการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวว่า การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

สำนักงานการบินพลเรือนของสหรัฐฯ (FAA) ได้สั่งให้สายการบินต่าง ๆ ลดเที่ยวบินหลายพันเที่ยว เนื่องจากขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน

นักวิเคราะห์จาก SEB กล่าวว่า ความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลงเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดยังคงชั่งน้ำหนักระหว่างภาวะน้ำมันล้นตลาดกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ผันผวน

นักวิเคราะห์จาก IG Markets ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์นี้ ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ และจุดชนวนความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาดอีกครั้ง

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดจากการนำเข้าน้ำมันสูงขึ้นและการกลั่นลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง

รายงานจากภาคเอกชนยังระบุว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มอ่อนแอลง ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ไม่สามารถเผยแพร่รายงานการจ้างงานได้เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร หรือ OPEC+ มีมติเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วให้เพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อยในเดือนธ.ค. แต่ชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมในไตรมาสแรกของปีหน้า เนื่องจากกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกิน

ภาวะอุปทานล้นตลาดทำให้ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศลดราคาขายน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าในเอเชียในเดือนธ.ค.

มาตรการคว่ำบาตรของยุโรปและสหรัฐฯ ต่อรัสเซียและอิหร่านยังคงกระทบการส่งมอบน้ำมันให้แก่ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างจีนและอินเดีย ซึ่งช่วยพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกบางส่วน

ข้อมูลศุลกากรของจีนระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.3% จากเดือนก.ย. และเพิ่มขึ้น 8.2% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 48.36 ล้านตัน โดยมีอัตราการกลั่นน้ำมันอยู่ในระดับสูงในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก

นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า จีนยังคงนำเข้าน้ำมันในปริมาณสูงในเดือนต.ค. ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำมันเหล่านั้นไม่ไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศ OECD ที่มีปริมาณสำรองอยู่ในระดับต่ำ

Gunvor บริษัทค้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า บริษัทได้ถอนข้อเสนอซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศของ Lukoil บริษัทพลังงานของรัสเซีย หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า Lukoil เป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย และส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว

บริษัทวิเคราะห์ตลาดน้ำมัน Vanda Insights ระบุว่า การที่ Gunvor ยกเลิกแผนซื้อสินทรัพย์ของ Lukoil แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ากดดันรัสเซียอย่างเข้มข้น และอาจบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อ Rosneft และ Lukoil อย่างเข้มงวด