ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563  (อ่าน 880 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82552
    • ดูรายละเอียด

***ทองปิดร่วง 23.1 ดอลล์ ข่าวคืบหน้าวัคซีนโควิดกระตุ้นแรงขาย

ข่าวเศรษฐกิจ28 พ.ย. 63 07:58

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 กระตุ้นให้นักลงทุนขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาทิ ตลาดหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 23.1 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 1,788.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำร่วงลง 4.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 80.7 เซนต์ หรือ 3.44% ปิดที่ 22.639 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 5 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 964.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 75 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 2,439.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพนั้นทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคระบาด และได้ลดการถือครองทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

นอกจากนี้ สัญญาทองยังไม่ได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง ซึ่งโดยปกติแล้วดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเป็นแรงหนุนสัญญาทองคำ

นักวิเคราะห์ตลาดเชื่อว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าไม่ได้ช่วยหนุนราคาสัญญาทองคำนั้น เนื่องจากนักลงทุนได้ใช้ดอลลาร์เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองคำท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ระดับ 91.8047 เมื่อคืนนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 63)

***น้ำมัน WTI ปิดลบ 18 เซนต์ นลท.ขายลดเสี่ยงก่อนประชุมโอเปกพลัส

ข่าวเศรษฐกิจ28 พ.ย. 63 07:48

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในสัปดาห์หน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 45.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 48.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 7.3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 7.2% โดยทั้งสองสัญญาปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

กลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ โดยนักลงทุนคาดว่า จะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมันในปัจจุบันออกไปอีก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศลิเบีย รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโรคโควิด-19

แม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอีก 3-6 เดือน เนื่องจากกังวลว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปจะฉุดอุปสงค์น้ำมันในตลาด แต่การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศลิเบียได้ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐ

บรรดานักลงทุนวิตกว่า ความล่าช้าในการผลิตและจำหน่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 จะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า และจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 63)

***ดาวโจนส์ปิดบวก 37.9 จุด หุ้นค้าปลีก-เทคโนโลยีหนุนตลาด

ข่าวหุ้น28 พ.ย. 63 07:42

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากผู้บริโภคสหรัฐเริ่มทำการช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วงเริ่มต้นเทศกาลวันหยุดปลายปี ท่ามกลางภาวะที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในโรงพยาบาลต่างๆ ของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,910.37 จุด เพิ่มขึ้น 37.9 จุด หรือ +0.13%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,638.35 จุด เพิ่มขึ้น 8.7 จุด หรือ +0.24% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,205.85 จุด เพิ่มขึ้น 111.44 จุด หรือ +0.92%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 เพิ่มขึ้น 2.2% และ 2.3% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3%

การซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างเบาบาง ขณะที่มีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ หลังจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

แรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12,236.23 ขณะที่หุ้นที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลง

หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบวกนำตลาดได้แก่กลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.95% ขณะที่หุ้นลบนำตลาดได้แก่กลุ่มพลังงาน ซึ่งลดลง 1.25%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นในวัน Black Friday (วันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า) ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส โดยเฉพาะหุ้นค้าปลีกออนไลน์ ท่ามกลางการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในสหรัฐเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีการเสนอส่วนลดราคาอย่างมากเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ซึ่งยอดขายในธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

หุ้นแอมะซอน บวก 0.32% และหุ้นอีเบย์ ปรับตัวขึ้น 1.76%

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตามโรงพยาบาลของสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่า 89,000 ราย นักลงทุนได้ขานรับข่าวการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์, บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ และบริษัทอื่นๆ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าจะสามารถหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิดได้

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 16.35% และหุ้นไฟเซอร์ เพิ่มขึ้น 1.92%

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผลิตชิปปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอินเทล บวก 0.85% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) บวก 0.59%

หุ้นเทสลา ปรับตัวขึ้น 2.05% แม้หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐได้เปิดการสอบสวนประเด็นระบบกันสะเทือนด้านหน้ารถยนต์ไฟฟ้าจำนวนราว 115,000 คันของเทสลาก็ตาม

ส่วนหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ลบ 1.3% หลังบริษัทเปิดเผยว่า จะปลดพนักงานราว 32,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 28,000 คนที่ประกาศก่อนหน้านี้ โดยจะมีการปรับลดพนักงานส่วนใหญ่ในธุรกิจสวนสนุก

หุ้น iQIYI ซึ่งให้บริการด้านวิดีโอสตรีมมิ่ง ร่วง 1.7% หลังสื่อรายงานว่า บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์และบริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ของจีนได้ระงับการเจรจาเพื่อซื้อกิจการของ iQIYI

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 63)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2020, 08:06:38 AM โดย Rakayang.Com »