ผู้เขียน หัวข้อ: เจพีมอร์แกนคาดหุ้นเอเชียผันผวนหนักปีหน้า เตือนไทยถูกกระทบจากดีมานด์ชะลอตัว  (อ่าน 67 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82573
    • ดูรายละเอียด

เจพีมอร์แกนคาดหุ้นเอเชียผันผวนหนักปีหน้า เตือนไทยถูกกระทบจากดีมานด์ชะลอตัว
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 2565)--ทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ซึ่งนำโดยนายนาจิฟ บาตรา เปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ด้วยนั้น จะเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักในปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่ชะลอตัวลง รวมทั้งผลกระทบของการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
           ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2566 จะเคลื่อนตัวเหมือนกับ 'บันจี้จัมป์' โดยจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมา และจากนั้นจะดิ่งลงไปอีกจนถึงจุดต่ำสุด โดยความผันผวนเหล่านี้มีสาเหตุมาจากกำลังซื้อที่ลดลงอันเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน, การออมที่ลดลง และตุ้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น  เจพีมอร์แกนระบุในรายงาน
          ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ดัชนี MSCI ASEAN Index จะดิ่งลงทดสอบจุดต่ำสุดอีกครั้งในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะร่วงลงอีกในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะถูกกระทบจากดีมานด์ในต่างประเทศที่ชะลอตัวลง, การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และแรงบวกในช่วงเปิดประเทศที่แผ่วลง
          สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ดัชนี MSCI ASEAN Index ร่วงลง 22% แตะระดับต่ำสุดในปีนี้ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นราว 10% ในเวลาต่อมา อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่าจีนจะเปิดประเทศ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย
          นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้า เช่น ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย จะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการสินค้าคงทน (durable goods) ที่อ่อนแรงลง
          ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของยอดส่งออก, การลงทุนในภาคเอกชน และการผลิต โดยคาดว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 2566 จะลดลงมาอยู่ที่ 2.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.3%
          ขณะเดียวกันเจพีมอร์แกนคาดว่า เศรษฐกิจมหภาคของสิงคโปร์จะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ซึ่งรวมถึงความอ่อนแอของอุปสงค์ในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้การผลิตสินค้าของสิงคโปร์อ่อนแรงลงด้วย นอกจากนี้ คาดว่าการที่รัฐบาลสิงคโปร์ปรับขึ้นภาษีสินค้าและการบริการจากระดับ 7% เป็น 8% จะยิ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์และการอุปโภคบริโภค
          อย่างไรก็ดี เจพีมอร์แกนคาดว่า หากจีนเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการเปิดต้อนรับเที่ยวบินต่างประเทศ ก็จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยและสิงคโปร์
โดย รัตนา พงศ์ทวิช