ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 1 เมษายน 2566  (อ่าน 112 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82556
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 415.12 จุด หวังเฟดเบรกขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อต่ำคาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 เม.ย. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นมากกว่า 1% ในวันศุกร์ (31 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวขึ้นมากที่สุดในไตรมาสแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 เนื่องจากสัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อได้เพิ่มความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในไม่ช้านี้
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.15 จุด เพิ่มขึ้น 415.12 จุด หรือ +1.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.31 จุด เพิ่มขึ้น 58.48 จุด หรือ +1.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,221.91 จุด เพิ่มขึ้น 208.44 จุด หรือ +1.74%
          ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.2%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.4% โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.
          ในเดือนมี.ค. ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.5% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 6.7%
          ส่วนในไตรมาสแรก ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.4%, ดัชนี S&P500 บวก 7% และดัชนี Nasdaq พุ่ง 16.8% ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2563
          ดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. และปรับตัวขึ้น 2 ไตรมาสติดต่อกัน นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทะยานขึ้น 21.5% ในไตรมาสแรก
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในไตรมาสแรก แม้หุ้นกลุ่มธนาคารเผชิญแรงเทขายอย่างหนักหลังการล่มสลายของธนาคารระดับภูมิภาค 2 แห่งของสหรัฐในช่วงต้นเดือนมี.ค. และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการเงินที่รุนแรงขึ้นก็ตาม
          ดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในไตรมาสแรก โดยร่วงลง 6.1% ขณะที่ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ร่วงลง 18.6%
          ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุน หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. ขณะที่เงินเฟ้อชะลอตัวลง
          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากระดับ 5.3% ในเดือนม.ค.
          เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% และชะลอตัวจากระดับ 0.6% ในเดือนม.ค.
          ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% และชะลอตัวจากระดับ 4.7% ในเดือนม.ค.
          เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค.
          ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
          นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. และอัตราการออมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.4% ในเดือนม.ค.
          เฟดได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค.นั้น ได้ลดลงเหลือประมาณ 50% และมีแนวโน้มมากขึ้นที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.
          หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในไตรมาสแรก โดยดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ของตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียพุ่งขึ้น 27.6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนย้ายเงินลงทุนออกจากหุนกลุ่มธนาคารเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีร่วงลงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
          อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยลบสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่
          หุ้นแอปเปิล อิงค์ ปิดพุ่งขึ้น 1.6% ในวันศุกร์ ตามหุ้นเทคโนฯรายใหญ่อื่น ๆ และหุ้นแอปเปิ้ลยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า แอปเปิ้ลชนะคดีการยื่นอุทธรณ์เพื่อคัดค้านหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของอังกฤษที่จะตรวจสอบเกี่ยวกับการผูกขาดตลาดของแอปเปิ้ลในด้านเบราว์เซอร์บนมือถือและบริการเกมในระบบคลาวด์
          นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความเห็นของนางซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันที่กล่าวในวันศุกร์ว่า เมื่อเฟดตัดสินใจที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็นับเป็นเรื่องสำคัญที่เฟดจะต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับนั้นไปอีกระยะ เพื่อที่จะช่วยลดเงินเฟ้อที่ระดับสูงลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
โดย กัลยาณี ชีวะพานิช


ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.3 แนวโน้มอุปทานตึงตัวหนุนตลาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 เม.ย. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (31 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว เนื่องจากอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 79.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 9.25% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวขึ้น 6.37%
          แต่ในเดือนมี.ค. สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบ BRENT ลดลง 1.8% และ 4.9% ตามลำดับ
          ตลาดน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวภาวะปั่นป่วนในภาคธนาคาร และนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ภาวะขาดแคลนผลผลิตน้ำมัน
          นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่อิรักสั่งระงับการส่งออกน้ำมันราว 450,000 บาร์เรล/วันจากเคอร์ดิสถานผ่านทางตุรกี หลังจากคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการยืนยันว่าการส่งออกน้ำมันจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรัก โดยเคอร์ดิสถานเป็นเขตปกครองตนเองซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิรัก
          วลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์เปิดเผยในวันศุกร์ว่า  บรรดาเทรดเดอร์ยังคงจับตาสถานการณ์ในเคอร์ดิสถาน ซึ่งการส่งออกน้ำมันหยุดชะงักเมื่อเร็ว ๆ นี้ และบรรดาผู้ผลิตได้ถูกบังคับให้ปิดการผลิตที่บ่อน้ำมันบางแห่ง 
          บรรดานักลงทุนในตลาดน้ำมันจะจับตาการประชุมคณะกรรมการของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
โดย กัลยาณี ชีวะพานิช


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $11.50 เหตุดอลลาร์แข็งกดดันราคา
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 เม.ย. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (31 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 1,986.20 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่สัญญาทองปิดตลาดเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 8.1% และปรับตัวขึ้น 8.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 16.70 เซนต์ หรือ 0.70% ปิดที่ 24.156 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,003.10 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,468 ดอลลาร์/ออนซ์
          การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
          ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.35% ในวันศุกร์ แตะที่ 102.5107
          อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำได้แรงหนุนในไตรมาสแรกจากการคาดการณ์ที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะสิ้นสุดลงในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่วิกฤตความเชื่อมั่นในภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปได้ช่วยหนุนสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยด้วย
โดย กัลยาณี ชีวะพานิช