ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 23 ตุลาคม 2564  (อ่าน 645 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 90583
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $14.4 วิตกเงินเฟ้อหนุนแรงซื้อ
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 2564)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,796.3 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 24.449 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,052.1 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.50 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,035.60 ดอลลาร์/ออนซ์
          นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ในวันศุกร์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
          นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 59.2 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 60.7 ในเดือนก.ย. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
          แต่ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 58.2 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน
          ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.0 ในเดือนก.ย. และทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 1.26 ดอลล์ ภาวะอุปทานตึงตัวหนุนตลาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 2564)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากภาวะปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่อง, การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง, การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า และการคาดการณ์อุปสงค์พลังงานที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้
          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 85.53 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.8% ในรอบสัปดาห์นี้
          นายคาร์สเทน ฟริทช์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชเปิดเผยในวันศุกร์ว่า อุปทานน้ำมันยังคงตึงตัว เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปี         
          กลุ่มโอเปกและสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในรายงานประจำเดือนที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตลาดน้ำมันมีปริมาณต่ำมากในระยะสั้น
          เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ โดยลดลง 2 แท่น สู่ระดับ 443 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการผลิตน้ำมันที่ลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 73.94 จุด สวนทาง S&P500-Nasdaq ปิดลบ
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 2564)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนป และบริษัทอินเทล กรุ๊ป ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุด ลดลง 125.50 หรือ -0.82%
          แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวยังคงปิดตลาดในแดนบวกได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 1.1%, ดัชนี S&P500 บวก 1.6% และดัชนี Nasdaq บวก 1.3%
          หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มการเงิน เพิ่มขึ้น 1.33% ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ร่วงลง 2.28%
          หุ้นสแนป ร่วงลงมากกว่า 25% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด และส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจโฆษณา อาทิ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ปิดตลาดร่วงลงด้วยราว 5%
          หุ้นอินเทล ดิ่งลงเกือบ 12% หลังคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด ขณะที่ซีอีโอระบุว่า การขาดแคลนชิปกระทบยอดขายของบริษัท
          หุ้นอินเทลฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง ขณะที่หุ้นแอมะซอน.คอมปรับตัวลงด้วย แต่หุ้นกลุ่มการเงินได้แรงหนุนจากหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งพุ่งขึ้น 5.4% หลังเปิดเผยผลกำไรสูงเกินคาดเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน
          ข้อมูลจาก Refinitiv บ่งชี้ว่า บรรดานักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในดัชนี S&P500 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 34.8% เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 31.9% ที่คาดไว้ในช่วงต้นสัปดาห์นี้
          สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐขยายตัวในเดือนต.ค. โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.0 ในเดือนก.ย. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัว โดยมีปัจจัยกดดันอยู่บ้างจากปัญหาคอขวดในภาคการผลิต
          สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 58.2 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. และทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือนเช่นกัน
          อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 59.2 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 60.7 ในเดือนก.ย. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--