ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 21 พฤษภาคม 2565  (อ่าน 229 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84880
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 0.9 ดอลล์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 2565)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกขึ้นต่อในวันศุกร์ (20 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอ่อนแอท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.9 ดอลลาร์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,842.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และปิดตลาดในรอบสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากร่วงลง 4 สัปดาห์ติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2561
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 23.4 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 21.674 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 12.6 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 941.1 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 38.70 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1939.70 ดอลลาร์/ออนซ์
          นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดหุ้นยังคงลดลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
          สัญญาทองคำเข้าทดสอบแนวต้านที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันใกล้ระดับ 1,837 ดอลลาร์/ออนซ์ และหากสามารถปรับตัวขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว สัญญาทองคำก็อาจจะปรับตัวขึ้นสู่ช่วง 1,880-1,900 ดอลลาร์/ออนซ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 1.02 ดอลล์ วิตกอุปทานตึงตัวหนุนราคา
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 2565)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (20 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 113.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 112.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.9%
          ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นสำหรับข้อเสนอในการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
          นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่ว่า จีนจะมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีลงมากเกินคาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ควบคุมโรคโควิด-19
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์พลิกปิดบวก 8.77 จุด หลังการซื้อขายผันผวน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 2565)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 พ.ค.) หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน แต่ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปรับตัวลงในรายสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2475 ซึ่งเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดภาวะฟองสบู่ดอทคอมในปี 2544
          ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,261.90 จุด เพิ่มขึ้น  8.77 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,354.62 จุด ลดลง 33.88 จุด หรือ -0.30%
          ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.9%, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.0% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.8%
          หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มเฮลท์แคร์ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.26% ขณะที่หุ้นลบนำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งลดลง 1.53%
          หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.4% หลังนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอ ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า เขาได้ล่วงละเมิดทางเพศพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัวในปี 2559
          หุ้นขนาดใหญ่อื่น ๆ ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วง 1.3% และหุ้นอินวิเดีย ร่วง 2.5%
          แต่หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P500
          ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้นฉุดตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในปีนี้ นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบริษัทวอลมาร์ทและบริษัทค้าปลีกรายอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้นั้น ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจด้วย         
          การคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ วอลมาร์ท และทาร์เก็ต อิงค์ ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย และราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้เริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐ
          ส่วนบรรดาเทรดเดอร์ได้ปรับตัวรับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.
          ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนต่อไป
            เราเชื่อว่าตลาดจะยังคงปั่นป่วนต่อไปจนกว่านักลงทุนจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, อัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยง  นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าวเมื่อวันศุกร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช โทร.Tel. 02-253-5000 ต่อ 363 อีเมล์: kallayanee.c@infoquest.co.th--