ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุปัจจัย "ราคายาง" จากรุ่งเป็นร่วง  (อ่าน 1540 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 89984
    • ดูรายละเอียด

วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์

เหตุปัจจัย "ราคายาง" จากรุ่งเป็นร่วง


สถานการณ์ ราคายางพาราที่ตกต่ำติดต่อกันมา 4-5 ปี ยังไม่เห็นแววฟื้น หากยังเป็นอย่างนี้ ฟันธงได้เลยว่าราคายางจะตกต่ำอย่างน้อย 2-3 ปี เลยทีเดียว

คำถามคือ... ทำไม

ด้านหนึ่งเป็น เรื่อง "ดีมานด์" และ "ซับพลาย" หากดูภาพรวมสถานการณ์ยางโลกยิ่งน่าตกใจว่าทั้งโลกมีสต๊อกสูงถึง 3 ล้านตัน หรือ 26% ปกติแค่ 15% ก็อันตรายแล้ว เฉพาะไทยแบกสต๊อก กว่า 2.5 แสนตัน

ก่อน หน้านี้ "แม่เหล็ก" ที่จูงใจคนแห่มาปลูกยางพารายกใหญ่ ปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจจีนเติบโตด้วยเลขสองหลักในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ต้องเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภค สร้างถนนหนทางขนานใหญ่ จีนใช้ยางพาราปูพื้นถนนแทนคอนกรีต และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเติบโตทำให้ความต้องการใช้สูง

ยิ่ง ช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงดึงให้ราคายางสังเคราะห์สูงตามคนก็แห่มาใช้ ยางธรรมชาติแทนช่วยดันราคาสูงตามไปด้วย ทำให้ทั้งจีนและอินเดียที่นำเข้าจากไทยหันมาส่งเสริมให้ปลูกยางกันอย่างจริง จัง รวมทั้ง ลาว และเวียดนามก็เร่งปลูกเพิ่มมากขึ้น ใครที่เคยผ่านเส้นทาง อาร์ 3 เอ จากลาวไปยัง สิบสองปันนาระหว่างเส้นทางจะเห็นสวนยางบนเขาสุดลูกหูลูกตา

ใน ประเทศไทยเองชาวบ้านก็พากันแห่ปลูกตามๆ กันเพราะราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2542 ราคายางพารา 29 บาทต่อกิโลฯ ได้ขยับสูงขึ้นทุกปี เฉพาะอย่างยิ่งปี 2552 เป็นปีทองยางพาราราคาเฉลี่ยทั้งปี 129 บาทต่อกิโลฯ บางช่วงสูงถึง 154 บาทต่อกิโลฯ

อีกปัจจัยที่มิอาจมองข้าม กล่าวคือ ในปี 2547 รัฐบาล อดีตนายกฯทักษิณจึงมีโครงการส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมา ปลูกยางเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ฉุกคิดว่าประเทศอื่นก็เร่งปลูก เหมือนกัน

จาก ภาคใต้ ได้ขยายวงกว้างไปยังตะวันออก ภาคเหนือ และภาคอีสานไม่คิดว่าสักวันหนึ่งราคาจะร่วงลงมา ประกอบกับไม่มีเสียงเตือนจากคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ หน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจ

มีแต่คนฉวยโอกาสจากอาการตื่น ทองของชาวสวนยาง ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจและนักการเมือง ข้าราชการที่หาประโยชน์จากโครงการดังกล่าว จนเกิดกรณีการทุจริตกล้ายางอันลือลั่นมาแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2014, 07:08:47 AM โดย Rakayang.Com »