ผู้เขียน หัวข้อ: อุตฯถุงมือยาง14ราย ตบเท้าเข้าโครงการสินเชื่อ มั่นใจลงทุนเสร็จภายใน3ปี เพิ่มกำลังการผลิต 80%  (อ่าน 1040 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88287
    • ดูรายละเอียด
อุตฯถุงมือยาง14ราย ตบเท้าเข้าโครงการสินเชื่อ มั่นใจลงทุนเสร็จภายใน3ปี เพิ่มกำลังการผลิต 80%


อุตฯถุงมือยาง 14 ราย ตบเท้าเข้าโครงการสินเชื่อปรับปรุงเครื่องจักร 1.5 หมื่นล้าน มั่นใจลงทุนเสร็จภายใน 3 ปี เพิ่มกำลังการผลิต 80% ซื้อน้ำยางเพิ่ม 4 แสนตัน/ปี คาด 5 ปีไทยขึ้นแท่นผู้นำการผลิตถุงมือยางพาราในตลาดโลกแทนมาเลเซีย
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิชรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย ว่า หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับธนาคารออมสิน ตั้งโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อขยายกำลังการผลิตหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ภายใต้วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการต่างสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยธนาคารออมสินจะส่งรายชื่อโรงงานที่ต้องการขอสินเชื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำหน้าที่ตรวจสอบ เพื่อประเมินการจัดซื้อเครื่องจักรของผู้ขอสินเชื่อว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนของกระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน หลังจากนั้นก็จะส่งเรื่องกลับไปให้ธนาคารออมสิน และจะทำการติดตามผลการดำเนินงานของโรงงานเป็นระยะ และรายงานต่อธนาคารออมสินตลอดระยะเวลาสัญญาเงินกู้ 10 ปี ซึ่งล่าสุดธนาคารออมสินได้ส่งรายชื่อมาให้ตรวจสอบแล้ว 1 ราย
ด้าน นายประชัย กองวารี นายกสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมทั้งหมด 14 รายสนใจที่จะเข้าร่วมขอสินเชื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในครั้งนี้ เต็มวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากได้สินเชื่อแล้วจะลงทุนขยายกำลังการผลิตให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางพาราได้ประมาณ 4 แสนตัน/ปี เพิ่มปริมาณสินค้าได้ไม่ต่ำกว่า 80% จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 3-4 หมื่นล้านชิ้น/ปี ซึ่งจะทำให้เพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำยางพาราในอุตสาหกรรมถุงมือยางจาก 14% เป็น 19% คาดว่าจะสามารถผลักดันให้ราคาน้ำยางพาราเพิ่มขึ้นในระดับ 65-70 บาท/กิโลกรัม
?ในปัจจุบันประเทศไทยส่งออกยางพาราในรูปของวัตถุดิบน้ำยางพารา และยางแผ่นสูงถึง 86% มีการแปรรูปภายในประเทศเพียง 14% โดยประเทศคู่แข่งในอุตสาหกรรมถุงมือยางได้แก่ มาเลเซีย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 มีปริมาณการผลิต 9 หมื่นล้านชิ้น/ปี รองลงมาเป็นประเทศไทยมีกำลังการผลิต 3-4 หมื่นล้านชิ้น/ปี และอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิต 1 หมื่นล้านชิ้น/ปี ซึ่งหากมีการปรับปรุงเครื่องจักรในครั้งนี้แล้ว ก็จะทำให้ไทยมีศักยภาพการแข่งขันเพิ่มขึ้น และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะสามารถแซงมาเลเซียขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนได้ เพราะว่าไทยมีความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบยางพาราสูงกว่า? นายประชัย กล่าว
สำหรับการส่งออกถุงมือยางในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเกิน 3 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 8% ซึ่งแม้ว่าในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะซบเซา แต่ก็ไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมนี้ เพราะทุกโรงพยาบาลต้องใช้ และเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยผลผลิตส่วนในใหญ่ 98% จะเป็นการส่งออก และใช้ภายในประเทศเพียง 2% และมีโรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางพารานี้ประมาณ 20 แห่ง


ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 5 พฤศจิกายน 2557)