ผู้เขียน หัวข้อ: เจ๊ง 25 บาท/กก.ผู้ค้าส่อเบี้ยวรับยาง  (อ่าน 8115 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 81888
    • ดูรายละเอียด
เจ๊ง 25 บาท/กก.ผู้ค้าส่อเบี้ยวรับยาง

25 June 2017

อ้างถึง
http://www.thansettakij.com/content/168499

วงการสั่งจับตาผู้ประมูลยางในสต๊อกรัฐบาล กว่า 2 แสนตันเบี้ยวรับมอบ หลังราคารูดหนัก ขาดทุนยับ 15-25 บาท/กก. นับถอยหลังคาดเหลือสต๊อก7 หมื่นตัน ชี้สัญญาณบวกปี 61 ราคายางพุ่ง-มีเสถียรภาพ
 
 แหล่งข่าวจากวงการค้ายาง เปิดเผยกับ ?ฐานเศรษฐกิจ?ถึงสถานการณ์ราคายาง ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2560 ว่า ราคายางณ ตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ระดับ 52.85 บาท/กก. ปรับตัวลดลงจากวันกอ่ น 0.96 บาท/กก. ตามราคานํ้ามันที่ปรับตัวลดลงแตะระดับตํ่าสุดในรอบเกือบ 10 เดือนรวมทั้งเงินเยนและเงินบาทแข็งค่า ส่วนยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 54.52 บาท/กก. ปรับตัวสูงขึ้นจากวันก่อน 0.50 บาท/กก. ในทิศทางเดียวกับตลาดล่วงหน้าโตเกียว จากการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนหลังจากราคาปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ
 
 
DSCN2127?จากผลราคาดังกล่าวนี้ทางวงการได้จับตาผู้ค้ายางรายใหญ่ และรายกลาง ทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ จะไม่รับมอบยางตามสัญญา เนื่องจากการประมูลซื้อขายยางในสต๊อกของรัฐบาลครั้งที่ 2-4 ใน 3 ครั้งนี้มีการประมูลซื้อยางไม่ตํ่ากว่า 70 บาทต่อกิโลกรัม จากขณะนั้นราคาตลาดอยู่ที่ 80-90 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 52.85 บาท จะเห็นว่าผู้ประมูลขาดทุน 15-20 บาทต่อกิโลกรัม จีงมองว่าผู้ที่ชนะประมูลจะรับมอบยางตามสัญญาหรือไม่ หากเบี้ยวรับมอบก็จะส่งผลทำให้ราคายางตกตํ่าอีก?
 
 แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าการประมูลซื้อขายยาง ครั้งที่ 5 (ครั้งสุดท้าย) ระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคม 2560 มีผู้สนใจเข้าร่วม1 ราย แต่ไม่ได้เสนอราคา จึงทำให้ทางคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.)เปลี่ยนวิธีใหม่โดยเจรจาขายยางโดยตรงให้กับบริษัทผู้ประกอบการยางพารา โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานเจรจาขายยางโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางและโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ประกอบด้วย นายจิตรนรา นวรัตน์ ประธานคณะทำงานและนายสุนันท์ นวลพรหมสกุล คณะทำงาน ผลการเจรจาครั้งที่ 1 ได้มีการเจรจากับทางบริษัท พรี-พลัสคอปอร์ เรชั่นจำกัด โดยใช้ราคาเริ่มต้นประมูลครั้งที่ 5 เป็นราคาฐานเจรจาในการเสนอราคาดังนี้
 
 1.สินค้าโกดัง ซีแอนด์ทีโมดูลาร์ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย ยางแผ่นรมควันอัดก้อนจำนวน 2.95 หมื่นตัน ราคา 66.37 บาท มูลค่า 1,959 ล้านบาท 2.ยางแท่ง STR 20 จำนวน 597 ตันราคากิโลกรัมละ 58.33 บาทมูลค่า 34.8 ล้านบาท 2.สินค้าโกดังสันทัตและบุตร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย ยางแผ่นรมควัน
 
 
เจ๊ง25บาท/กก.ผู้ค้าส่อเบี้ยวรับยาง เจ๊ง25บาท/กก.ผู้ค้าส่อเบี้ยวรับยาง
 
 อัดก้อนจำนวน 2,732 ล้านบาท ราคากิโลกรัมละ 63บาท มูลค่า 173.6 ล้านบาท ยางแท่ง STR 20 จำนวนกว่า 3 ,000 ตัน ราคากิโลกรัมละ 58.33 บาทมูลค่า 180 ล้านบาท รวมทั้ง 2โกดัง กำหนดส่งมอบเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา
 
 อย่างไรก็ดียางในสต๊อกทั้ง 2 โครงการนี้หากผู้ซื้อผู้ขายรับมอบตามสัญญา คาดว่าจะเหลือยางพาราในสต๊อกกว่า 7 หมื่นตัน ซึ่งปริมาณไม่มาก มีแรงกดดันต่อราคายางในตลาดน้อยหากสามารถระบายสต๊อกได้หมดในเดือนมีนาคม 2561 คาดฤดูกาลเปิดกรีดยางใหม่ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมปีหน้าเป็นต้นไปราคายางจะดีกว่าปีนี้และจะมีเสถียรภาพมากขึ้น
 
 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,273 วันที่ 25 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560