รัฐลุยไฟระบายยางพาราแสนตัน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ ทีมข่าวเศรษฐกิจ 28 ส.ค. 2557 05:15
นายชนะชัย เปล่งธนศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 วันนี้ อ.ส.ย.และผู้ซื้อจากต่างประเทศรายเดียว เตรียมลงนามในสัญญาซื้อขายยางพาราในสต๊อกของรัฐจำนวน 100,000 ตัน จากยางในสต๊อกของรัฐทั้งหมด 210,000 ตัน ที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมารับซื้อมาจากเกษตรกร ในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยราคาจำหน่ายยางในสต๊อกให้แก่ผู้ซื้อยางแผ่นรมควันกิโลกรัม (กก.) ละ 62 บาท และยางแท่ง กก.ละ 58 บาท กำหนดระยะเวลาการส่งมอบไม่เกิน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาซื้อขาย หากเกินระยะเวลาการส่งมอบรัฐจะเรียกเก็บค่าปรับ เพราะมีต้นทุนการเก็บยางในสต๊อก อย่างไรก็ตาม หากเกิดการรับมอบล่าช้า รัฐอาจพิจารณาผ่อนผันค่าปรับให้หากเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น เรือขนส่งสินค้ามีไม่เพียงพอ
?สาเหตุที่ อ.ส.ย.อนุมัติขายยางเพียง 100,000ตัน ไม่ขายทั้งหมด 210,000 ตัน เพราะมั่นใจว่าราคายางจะยังเป็นขาขึ้น และที่สำคัญการระบายยางจากสต๊อกครั้งนี้ อ.ส.ย.ขายให้แก่ผู้ซื้อจากต่างประเทศ ไม่ได้นำมาขายหมุนเวียนในประเทศ ประกอบกับขณะนี้พ่อค้าในประเทศไม่ได้สำรองยางไว้ในสต๊อกจึงหวังซื้อราคาถูกจากสต๊อกรัฐ เมื่อรัฐระบายยางให้ต่างประเทศแล้ว จะทำให้บรรดาพ่อค้ายางพาราในประเทศ ต้องพยายามแย่งซื้อยางในตลาดมากขึ้น?
ส่วนการที่เอกชนไปร้องให้ศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ให้รัฐยับยั้งการระบายยางในสต๊อก เพราะกลัวซ้ำเติมราคายางที่กำลังตกต่ำนั้น อ.ส.ย.และเอกชนผู้ร้อง ได้ไปชี้แจงต่อศาลถึงที่มาที่ไปของการขายยางครั้งนี้แล้ว ในระหว่างนี้ อ.ส.ย.จึงต้องทำตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ระบายยางในสต๊อกก่อน
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานชุมนุมสหกรณ์เกษตรอุตสาหกรรมการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากราคาตกต่ำ จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหน่วยงานรัฐจึงพยายามระบายยางในสต๊อกในช่วงนี้ ทางที่ดีควรระบายยางหลังจาก 6 เดือนจากนี้ หรือประมาณเดือน ก.พ.58 ที่ปิดกรีดแล้วราคายางในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนที่บอกว่าขายได้ กก.ละ 60 บาท จะได้รับจริงหรือไม่ ถึงวันส่งมอบจริงจะถูกหักค่าความชื้น ค่าเสื่อมสภาพออกไปอีกจนเหลือราคาขายต่ำหรือไม่ ซึ่งผู้ซื้ออาจจะได้ประโยชน์เพราะซื้อยางมาในราคาต่ำแล้วรอขายราคาสูง.
