มาตรการแก้ปัญหาราคายาง ในโครงการมูลภัณฑ์กันชน แท้จริงแล้วใครได้ประโยชน์
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2558 06:00:00 น.
ยังคงไม่มีความกระจ่าง เรื่องของมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราของกระทรวงเกษตรฯในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่ทางรัฐบาลมอบหมายให้ นายอำนวย ปะติเส มานั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยแก้ปัญหาราคายาง จากการที่มีการทุ่มเงินงบประมาณ ที่เป็นภาษีประชาชนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในมาตรการแก้ปัญหาราคายาง ในโครงการมูลภัณฑ์กันชน แท้จริงแล้วใครได้ประโยชน์ เพราะถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบว่า มันคืออะไรกันแน่ เพราะเกษตรกรเอง บอกชัดเจนว่าไม่ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง
โดยกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ทางกรรมาธิการเกษตรฯ ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงหลายครั้ง พร้อมขอดูสัญญาซื้อขายยางที่ทางรัฐบาลชุดนี้ลงนามสัญญาในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ขายยางเก่าจำนวน 2.1 แสนตัน และผนวกด้วยยางที่ซื้อใหม่ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาอีก 2 แสนตัน ในรัฐบาลชุดนี้ และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกรรมาธิการก็ได้ขอให้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องยางพาราของกระทรวงเกษตรฯ ไปชี้แจง อีกครั้งใน 3 ประเด็น โดยประเด็นที่ 1.รายละเอียดการซื้อขายต่อกันอย่างไร พร้อมขอดูสัญญา 2.ให้มีการชี้แจงกรณีว่าทำไมขายยางให้กับเอกชนจีนราคาต่ำกว่าสัญญา เพราะตามสัญญาลงนามซื้อขายในราคากิโลกรัมละ 63 บาท แต่มีการซื้อขายจริงในราคาที่ 44 บาท และ 3. มีข้อมูลว่ามีการลงนามในสัญญาว่าเอกชนจีนจะต้องรับยางจากไทยเดือนละ 2 หมื่นตัน เรื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ลงนามสัญญาไปแล้ว
ทั้งหมดเกิดจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก พบว่า การส่งออกยางพาราในสต๊อกของรัฐบาลทั้งหมด ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงวันนี้ มีการส่งออกจริงไม่ถึง 2 พันตัน แต่แปลกกระทรวงเกษตรฯ ไม่ยกเลิกสัญญาทั้งที่เอกชนจีนที่ลงนามสัญญา ไม่ปฏิบัติตามสัญญารวมทั้งไม่มีการปรับใดๆ จึงน่าจะมีความไม่ชอบมาพากล และไม่มีคำตอบที่กระจ่างใดๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ล่าสุด กรรมาธิการเกษตรฯมีมติที่จะทำหนังสือไปถึง นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ เพื่อขอดูสัญญา และขอความกระจ่างในเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะถือว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับการขายยางครั้งนี้ เพราะกลุ่มเอกชนที่กระทรวงเกษตรฯ ลงนามซื้อขายยาง มันคือเอกชนกลุ่มเดียวกันกับขบวนการจีทูจีเก๊ เรื่องทุจริตข้าวที่ ป.ป.ช. เพิ่งตัดสินที่ผ่านมา
และชั่งเป็นเรื่องแปลกของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/58 รัฐบาล เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลับบอกว่ากระทรวงเกษตรฯ โดย ?อำนวย ปะติเส? ไปทำสัญญาขายยางพารากับจีน 4 แสนตันแล้ว คาดระบายสต๊อกยางได้หมดใน 1 ปี พร้อมยืนยันไม่มีปัญหากดดันราคายางมันคือ อะไร เพราะวันนี้ยางเดิมที่ทำสัญญาซื้อขายไปนานกว่า 7 เดือน ยังไม่มีอะไรคืบหน้า หรือว่าเป็นสัญญาใหม่ ที่ พี่นวยเพิ่งไปลงนามสัญญาอีกครั้งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แล้วสัญญาเก่าหายไปไหน ยังไงช่วยแจงสังคมให้เกษตรกรชาวสวนยางทราบที จะได้วางแผนถูกว่าจะทำอย่างไร หรือให้ทำได้แค่ทำใจ เหมือนที่ผ่านมา เพราะวันนี้ไม่มีความกระจ่างใดๆแม้แต่เรื่องสต๊อกยางที่แท้จริงยังไม่มีใคร รู้ จนมีกระแสแว่วว่า ท่านรัฐมนตรี ?ปีติพงศ์? ไม่พอใจอย่างมากในการแก้ปัญหาเรื่องยาง หรือนี่คือส่วนหนึ่งของที่มากระแสข่าวการโยกย้ายครั้งใหญ่ของข้าราชการระดับ อธิบดีที่ผ่านมาด้วย
มาถึงวันนี้ต้องบอกว่าปัญหาเรื่องของยางยังไม่มีความกระจ่างใดๆ และยังมีแนวโน้มจะมีปัญหาต่อไป ในเรื่องของราคา เพราะราคาที่มันสูงขึ้นในขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรการใดๆของรัฐบาล เพียงแต่ราคาน้ำมันในตลาดโลก มีสูงขึ้นราคายางเลยขึ้นตามก็เท่านั้น เรื่องของยางวันนี้ต้องเปิดใจยอมรับความจริงและเดินหน้าแก้ปัญหาให้ถูกทาง และที่สำคัญ คนที่รู้เรื่องยางว่าควรจะเป็นอย่างไร น่าจะเป็นท่านรัฐมนตรี ?ปีติพงศ์? เพราะอย่างน้อยท่านก็อยู่ในกระทรวงเกษตรฯมาหลายปี ก่อนที่จะกลับมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯในวันนี้ ขอสักครั้ง อย่าคิดว่ามอบงานไปแล้ว เพราะสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นเกษตรกรไทยก็จะจำชื่อของท่านมากกว่าคนอื่น
ดอกปีบ