ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558  (อ่าน 934 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88342
    • ดูรายละเอียด

วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันพุธที่  30  ธันวาคม  พ.ศ. 2558
ปัจจัย


วิเคราะห์

1.สภาพภูมิอากาศ


- บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงบริเวณประเทศไทยตอนบนทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นลง ส่วนภาคใต้มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

2.การใช้ยาง


- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 76,426 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 25,732 คัน ลดลงร้อยละ 12.0 รถเพื่อการพาณิชย์ 50,694 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 40,810 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 ขณะที่ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 698,168 คัน ลดลงร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

3. เศรษฐกิจโลก


- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีขึ้นในเดือนธันวาคม เนื่องจากตลาดแรงงานแข็งแกร่งและราคาน้ำมันถูกลง จึงกระตุ้นให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยสินค้า ตลอดจนซื้อสินค้าเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.5 ในเดือนธันวาคม จากระดับ 92.6 ในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจปัจจุบันปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 115.3 ในเดือนธันวาคม และดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 83.9

- รายงานจากสถาบันด้านยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน (CASS) และหนังสือพิมพ์ Economic Information Dailay รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ของจีนมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 6.7 ในปี 2559 รายงานดังกล่าวคาดการณ์ว่า ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของ GDP ดังกล่าวประกอบด้วย ยอดค้าปลีกที่อาจขยายตัวขึ้นร้อยละ 10.8 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2559 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่อาจเติบโตขึ้น ร้อยละ 9.8 ในขณะที่การส่งออกน่าจะเติบโตขึ้นอีกร้อยละ 1.6 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้ภาวะเงินเฟ้อ คาดว่าจะขยายตัวขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบ
เป็นรายปีในปี 2559 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่งอาจลดลงร้อยละ 1.8

4. อัตราแลกเปลี่ยน


- เงินบาทอยู่ที่  36.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า 0.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

- เงินเยนอยู่ที่  120.54 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่า 0.20 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ

5. ราคาน้ำมัน


- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymax ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ 2559  ปิดตลาดที่ 37.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ธันวาคม ร่วงลง 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 484.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล

- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ตลาดลอนดอนส่งมอบเดือนมกราคม 2559 ปิดตลาดที่ 37.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

6. การเก็งกำไร


- TOCOM ส่งมอบเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ 146.7 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.6 เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2559 อยู่ที่ 157.6 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.7 เยนต่อกิโลกรัม

- ราคาตลาด SICOM เปิดตลาดที่ 117.10 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม ลดลง 2.50 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม

7. ข่าว


- ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์  เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าเดือนกันยายน สะท้อนให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นในภาพรวมช่วยหนุนราคาบ้านอย่าง ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.2 ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับร้อยละ 4.9 ในเดือนกันยายน

- สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ในจีน มียอดขาดทุนรวม 5.3132 หมื่นล้านหยวนในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน เมื่อเทียบกับยอดกำไร 2.4387 หมื่นล้านหยวนในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ส่วนอัตรากำไรจากยอดขายโดยเฉลี่ยของโรงงานเหล็กกล้าอยู่ที่ร้อยละ -2.0 ในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2558 ในขณะที่อัตรากำไรจากยอดขายของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ ร้อยละ 0.74

8. ข้อคิดเห็นของ ผู้ประกอบการ


- ราคายางมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมีน้อย เพราะหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นเกิดปัญหาโรงงานไม่อาจรองรับผลผลิตที่ออกมาได้ ทำให้ผู้ประกอบการกำหนดราคารับซื้อต่ำ

แนวโน้ม ราคายางมีแนวโน้มทรงตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลก เริ่มฟื้นตัวจากกระแสคาดการณ์ว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง และตลาดล่วงหน้าโตเกียวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธันวาคม


ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา