ผู้เขียน หัวข้อ: กยท. MOU ร่วมมือ 3 องค์กรผุดรง.ผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล กว่า 1 พันลบ.ต่อยอดเพิ่มมูลค่ายางพารา  (อ่าน 803 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87701
    • ดูรายละเอียด

กยท. MOU ร่วมมือ 3 องค์กรผุดรง.ผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล กว่า 1 พันลบ.ต่อยอดเพิ่มมูลค่ายางพารา


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2559 16:35:14 น.
 
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท.ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ?โครงการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานในระดับสากล" ระหว่าง กยท. ตัวแทนภาครัฐ บริษัท สยามฟอเรสแมเนจเม้นท์ จำกัด ตัวแทนภาคเอกชน และสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด ตัวแทนภาคเกษตรกร โดยบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือดังกล่าว เป็นการดำเนินการภายใต้โครงการยางพาราประชารัฐเพื่อพัฒนา และสร้างเกณฑ์การจัดสวนยางอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐานในระดับสากล เช่น มาตรฐาน FSC โดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อเพิ่มมูลค่าไม้ยางพาราให้กับเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ด้วยการใช้ไม้ยางพารา และเป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมไม้ยางพารา และผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราอย่างครบวงจร โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยในส่วนของสหกรณ์กองทุนสวนยางพ่วงพรมคร จำกัด ซึ่งเป็นสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจะดำเนินงานตาม MOU โดยสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางให้มีส่วนร่วมพัฒนาสวนยางพารา ให้เป็นไป ตามมาตรฐานสากล


ขณะที่บริษัท สยามฟอเรสแมเนจเม้นท์ จำกัด จะช่วยสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางให้ได้มูลค่าเพิ่มในการขายไม้ยางพารา และผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพารา โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนสร้างโรงงานผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล จากไม้ยางพาราเพื่อการส่งออก ขณะนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI ) แล้ว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานประมาณ 2 ปี
 
สำหรับโรงงานผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล ของบริษัทฯ จะใช้ไม้ยางพาราในส่วนที่เหลือใช้จากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ เช่น กิ่ง แขนง ราก เศษขี้เลื่อยจากไม้ยางพารา เป็นต้น มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแท่งเชื้อเพลิง โดยนำมาบดให้เป็นผงละเอียด จากนั้นนำไปอบแห้ง เพื่อลดค่าความชื้น แล้วนำมาเข้าเครื่องอัดโดยใช้แรงดันสูงเพื่อให้สารลิกนินในเนื้อไม้ละลายออก มา ส่งผลให้ไม้เกาะติดกัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยาง มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายต้นยางพาราเมื่อครบอายุที่จะโค่น เพราะสามารถขายได้ทั้งต้น เป็นการเพิ่มมูลค่าการใช้ยางพาราให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
?หน้าที่ของ กยท. ตาม MOU ฉบับนี้จะสนับสนุน ส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยาง พัฒนาสวนยางของเกษตรกรตามมาตรฐานระดับสากล เช่น มาตรฐาน FSC(Forest Stewardship Council)หรือ PEFC(Programme for the Endorsement of Forest Certification) เพื่อเพิ่มมูลค่าไม้ยางพาราให้กับเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ โดยใช้ไม้ยางพาราและเป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราในการจำหน่ายในประเทศและต่าง ประเทศ"นายธีธัช กล่าว



--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--