"ฉัตรชัย" ลั่น ชาวสวนยาง หยุดป่วนราคา มั่นใจแนวโน้มดีขึ้น 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/287256[size=78%]
[/size] พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคายางในปัจจุบันไม่ถึงกับเลวร้ายมาก แต่ในความรู้สึกของเกษตรกรคงอยากได้ราคาที่ดีกว่านี้ หากมองย้อนไปในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาราคายางต่ำกว่าที่เป็นอยู่ และโดยส่วนตัวยังมั่นใจว่า แนวโน้มราคาในทิศทางข้างหน้าจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของสำนักเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ที่คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ยางในตลาดโลกจะมีมากขึ้นและราคาจะสูงขึ้น
แต่วันนี้ทุกฝ่ายต้องอดทนกันอีกนิด เพราะยางพาราเป็นสินค้าที่มีการซื้อขายล่วงหน้า ทำให้เกิดการเก็งกำไรขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขได้ยาก แต่รัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ในทุกๆ ด้าน เช่น การส่งเสริมการใช้ยางในประเทศผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้าง เร่งรัดให้มีการใช้ยางให้ได้ในช่วง 3 เดือนนี้ จำนวน3.5 หมื่นตัน และให้ทุกหน่วยงานจัดทำงบประมาณในปี61 เพื่อซื้อยางไปใช้ วิธีการนี้จะช่วยให้ราคายางในประเทศปรับเพิ่มขึ้นได้
?การแก้ไขปัญหาราคายางพาราจะต้องฟังความเห็นทุกๆ ด้าน หากสามารถลดเรื่องการเมืองลงได้ก็น่าจะดี ปัญหาที่แท้จริงก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น การทำงานก็จะง่ายขึ้นมาก โดยทางรัฐบาลเองก็อยากเห็นราคาที่ดีกว่านี้อยู่แล้ว พยายามผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา เช่น ปัญหาของหลายหน่วยงานราชการที่อยากจะใช้ยางพารา แต่ยังไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ เนื่องจากยางพาราจะต้องผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือติดขัดเรื่องงบประมาณ ก็พยายามจะรวบรวมปัญหาเรื่องนี้ โดยอาจจะเสนอเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้ทันในปี2560นี้เลย โดยอาจจะเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นกรณีเร่งด่วน? พล.อ. ฉัตรชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง ดังกล่าวยังไม่จำเป็นที่จะแก้ไขโดยใช้มาตรา44ยังพอมีระยะเวลาในการปรับแก้ แต่ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศที่สั่งให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ไปหารือกับสมาคมถุงมือยาง คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้านี้
นายธีชัช สุขสะอาด ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า มาตรการแก้ไขปัญหาราคายางที่รัฐบาลเห็นชอบแล้ว ส่งผลต่อราคายางทั้งในประเทศและต่างประเทศในทิศทางบวก ราคายางเริ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2560 ราคายางแผ่นดิบรมควันของตลาดกลางอยู่ที่กิโลกรัม(กก.)ละ53.50บาท วันที่ 12 ก.ค.นี้ ราคาสูงสุดของตลาดกลางปรับขึ้นเป็นกก.ละ 54บาท สูงกว่าต้นทุนที่ สศก.กำหนดไว้ที่กก.ละ53บาท และราคาเฉลี่ยทั้งปีคาดว่ายางแผ่นดิบรมควันจะอยู่ที่กก.ละ60บาท เกษตรกรจะมีกำไรประมาณ20%ชาวสวนยางอยู่ได้แน่นอน
สำหรับภาพรวมยางพาราไทย ผลผลิตยางธรรมชาติของประเทศไทย จำนวน 4.473 ล้านตันต่อปี ส่งออกยางธรรมชาติ 3.749 ล้านตัน คิดเป็น 83.81% ของผลผลิตยางทั้งประเทศ ใช้ภายในประเทศ6แสนตัน คิดเป็น13.41%ของผลผลิตยางทั้งประเทศ และสต็อกภายในประเทศ6.42 แสนตันคิดเป็น14.35% จะเห็นได้ว่า ยางพาราของไทยอาศัยตลาดในต่างประเทศ ทำให้ราคายางพารา ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อจากต่างประเทศเช่น ประเทศจีนนำเข้ายางจากประเทศไทยมากที่สุด32.23%กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) เป็นกลุ่มประเทศที่นำเข้ายางพาราจากไทยรองลงมา10.85% และสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ตามลำดับ แต่การใช้ยางพาราในประเทศมีปริมาณน้อยเพียง13.41% เมื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งประเทศ
ดังนั้นหากรัฐบาล หรือ คณะรัฐมนตรี มีนโยบาย ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดการส่งออก และลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางจากต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคายางที่ดีขึ้นในระยะยาวและยั่งยืนการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ เป็นแนวทางที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศที่มากขึ้นร่วมกับมาตรการอื่นๆ ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นได้เป็น30%หรือ1.43ล้านตันต่อปี ส่งผลกระทบในทางบวกกับราคายางและเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว