***'ราคาทอง' ขึ้นเล็กน้อย ทำนิวไฮรอบใหม่
4 สิงหาคม 2563
ราคาทองคำฟิวเจอร์ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ (3 ส.ค.) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ หลังเงินดอลลาร์แข็งค่า
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน ธ.ค. ในตลาดนิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 40 เซ็นต์ ปิดที่ 1,986.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (0.1%) หลังทะยานแตะจุดสูงสุดที่ 2,009 ดอลลาร์ช่วงการซื้อขายระหว่างวัน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำโคเม็กซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง แทนที่สถิติเดิมซึ่งอยู่ที่ 1,985.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันศุกร์ (31 ก.ค.)
ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมีขึ้นหลังจากเงินดอลลาร์แข็งค่า 0.3% แตะที่ 93.587 เทียบกับตะกร้า 6 สกุลเงินคู่แข่งสำคัญ
ข้อมูลจากแฟคท์เซ็ต ระบุว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกทะยาน 4.7% ขณะที่ในเดือน ก.ค. ราคาทองพุ่งแรงถึง 10.3% นับเป็นเดือนที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2559
นอกจากนี้ ราคาทองคำพุ่งทำนิวไฮ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลก ในการบรรเทาความเสียหายต่อภาคธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบลุกลาม
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่า นับถึงวันที่ 3 ส.ค. ยอดผู้ป่วยโควิดสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 18 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 6.9 แสนคน
***'ดาวโจนส์' ปิดบวก 236 จุด แรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
4 สิงหาคม 2563
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวกในวันจันทร์ (3 ส.ค.) หลังได้อานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ดัชนีแนสแด็กพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 26,664.40 จุด เพิ่มขึ้น 236.08 จุด (0.9%) ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,294.61 จุด ลดลง 0.7%) ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,902.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.5% ปิดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวก มีขึ้นหลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยาน นำโดยหุ้นของ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และ แอ๊ปเปิ้ล (Apple) ที่ปิดบวก 5.6% และ 2.5% ตามลำดับ
หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งแรงหลังบริษัทยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ (2 ส.ค.) ว่า ได้หารือกับ ByteDance บริษัทเทคโนโลยีของจีนเพื่อขอซื้อกิจการแอพพลิเคชั่น TikTok ในสหรัฐ และเตรียมบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยบริษัทจะทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับดีลนี้ด้วย
หากข้อตกลงซื้อ TikTok ลุล่วงไปด้วยดี Microsoft อาจช่วยคลายข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับบริษัทจีน และมีอิทธิพลมากขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีผู้บริโภค
ตั้งแต่เข้าปี 2563 ถึงขณะนี้ หุ้นเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด โดยทะยานกว่า 23% แล้ว
น้ำมัน WTI ปิดบวก 74 เซนต์ ขานรับภาคการผลิตสหรัฐแข็งแกร่ง
Facebook
Twitter
Line
ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 4, 2020 06:56 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 74 เซนต์ ขานรับภาคการผลิตสหรัฐแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 41.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
***สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 44.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.6 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ
การเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยบดบังความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสเริ่มผ่อนคลายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 จากเดิมที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
