ผู้เขียน หัวข้อ: ชงครม.อนุมัติโครงการมูลภัณฑ์กันชนยางพารา  (อ่าน 880 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88287
    • ดูรายละเอียด
ชงครม.อนุมัติโครงการมูลภัณฑ์กันชนยางพารา


เกษตรฯ เตรียมเสนอครม.อนุมัติหลักเกณฑ์การทำงานกองทุนมูลภัณฑ์กันชนยางพาราเผยมีต่างชาติเสนอซื้อยาง 4 แสนตันเร็วๆนี้



นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่าจะหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และธนาคารพาณิชย์ เพื่อเร่งให้เงินกู้กับสถาบันเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนและเอกชนรายใหญ่ในโครงการสนับสนับสนุนสถาบันเกษตรกรเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ในวงเงิน 3 หมี่นล้านบาท ซึ่งรัฐช่วยรับภาระด้านดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าการปล่อยกู้ยังล่าช้าทำให้ราคายางไม่วิ่งไปอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามจะเร่งผลักดันการส่งเสริมการซื้อขายยางพาราในตลาดซื้อขายจริงให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยดูดซับปริมาณยางพาราในประเทศให้มีการใช้เพิ่มมากกว่า13%



ทั้งนี้พบว่า 1. วงเงินกู้ 1 หมื่นล้านบาทที่ปล่อยกู้ให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปผลผลิตมีการยื่นกู้ 5 พันล้านบาท ปล่อยกู้แล้ว1,335 ล้านบาท 2. วงเงินกู้ 5 พันล้านบาทสำหรับเป็นเงินหมุนเวียนให้สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ซื้อยางยื่นกู้ 4,600 ล้านบาท ปล่อยก็แล้ว 645 ล้านบาท และ 3. วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทให้ภาคเอกชนปลายน้ำกู้ปรับปรุงเครื่องจักรอยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้า



รมว.เกษตรฯกล่าวด้วยว่าในวันที่ 20-21 พ.ย.นี้ จะเดินทางไป ประชุมกลุ่มประเทศผู้ปลูกยางพารา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือในข้อตกลงร่วมกันทั้งการบังคับใช้กฎกติกาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มาตรการการจัดผลผลิตของทั้งสามประเทศในภาพรวม เพื่อเพื่ออำนาจในการต่อรองในตลาดโลกเนื่องจากปัจจุบันมีประเทศเวียดนาม พม่าและกัมพูชา เป็นผู้ผลิตเพิ่ม ทำให้คุมปริมาณผลผลิตได้ยาก ดังนั้นวาระสำคัญคือการหารือในเรื่องการบริหารผลผลิตของแต่ละประเทศให้เหมาะสม



แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่ากระทรวงได้เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการมูลภัณฑ์กันชนหรือโครงการบัฟเฟอร์สต๊อกยางพารา ในวันพุธที่ 12 พ.ย. นี้ ทั้งนี้มีการเสนอหลักเกณฑ์ขั้นตอนการประมูลชนิดยางที่จะประมูลวิธีบริหารสต๊อกเป็นต้น ซึ่งหลังจากอนุมัติจะมีการเซ็นสัญญาขายยางประมาณ 3- 4 แสนตัน เนื่องจากมีการเสนอซื้อเข้ามา


ที่มา หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557