ผู้เขียน หัวข้อ: ส่องเกษตร : ความโปร่งใสกับยางราคาตกต่ำ  (อ่าน 1238 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 89984
    • ดูรายละเอียด

ส่องเกษตร : ความโปร่งใสกับยางราคาตกต่ำ


 
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 10 กันยายน 2557 06:00:00 น.
ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ยังคงไม่กระเตื้องขึ้น ถึงชาวสวนยางยอมไม่ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน แต่ก็มีข่าวเป็นระยะๆว่า ชาวสวนยางหลายๆพื้นที่ วิงวอนเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้เร่งช่วยเหลือเป็นการด่วน


ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายสิงหาคมที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีออกมา พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้ประชุม คสช. โดยแสดงความเป็นห่วงปัญหาราคายางตกต่ำ ทั้งรับปากที่จะเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้นในการดึงราคายางขึ้น




 
แต่ผ่านมาร่วม 2 สัปดาห์ ราคายางก็ยังอยู่ในภาวะทรงกับทรุด อยู่ในระดับราว กก.ละ 50 บาท แม้กำลังจะเข้าฤดูฝนของภาคใต้ที่ปริมาณยางน้อยลงก็ตาม โดยรายงานของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เทียบราคารายวันตั้งแต่ 1 ส.ค.ที่ยางแผ่นดิบในตลาดท้องถิ่นราคาอยู่ที่กก.ละ 55.90 บาท ส่วนยางแผนดิบในตลาดกลางฯหาดใหญ่กก.ละ 57.15 บาท แล้วก็ทรงๆทรุดๆต่อเนื่องตลอด จนราคา ณ วันที่ 8 ก.ย.ยางแผ่นดิบในท้องถิ่นเหลือแค่กก.ละ 48.60 บาท ส่วนที่ตลาดกลางฯหาดใหญ่เหลือ 49.99 บาทเท่านั้น


รมว.เกษตรฯป้ายแดงอย่างนายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่เริ่มเข้าทำงานในกระทรวงแล้ว ก็ยังยอมรับในวันที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯว่า หนักใจเรื่องราคายางที่ตกต่ำมาก แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็จะพยายามแก้ปัญหาให้ได้


ท่ามกลางความเดือดเนื้อร้อนใจของชาวสวนยางที่ฝ่อกับราคายางเวลานี้ กลับยังต้องคลางแคลงใจต่อความโปร่งใสในการขายยาง 1 แสนตันในสต๊อกขององค์การสวนยาง(อ.ส.ย.) ที่มีข่าวว่า ได้ขายไปแล้วให้บริษัทในสิงคโปร์ แต่กลับไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน จนทำให้ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยออกมาตั้งข้อสงสัยว่ามีการขายจริงหรือไม่ เพราะถ้าระบายออกไปได้จริง ก็น่าที่จะช่วยดึงราคายางในประเทศให้สูงขึ้นได้ แต่กลายเป็นว่า ราคายางตอนนี้กลับยังคงปรับลดลง


ดังนั้น ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จึงเตรียมยื่นเรื่องถึงรมว.เกษตรฯ รวมถึงยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ เพื่อให้อสย.เปิดเผยสัญญาซื้อยางดังกล่าว ที่ทำกันอย่างมีลับลมคมใน


ถือเป็นประเด็นร้อน ต้อนรับรมว.เกษตรฯ ให้อาจจะต้องหนักใจเพิ่มขึ้นอีกก็ได้
อีกเรื่องเกี่ยวข้องกับชาวสวนยาง ที่กำลังถูกจับตาอย่างคลางแคลงเช่นกันคือ การดำเนินการของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(ก.ส.ย.) อีกรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ


ก่อนหน้านี้เมื่อปลาย ก.ค.ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงบอร์ด ก.ส.ย.บางส่วน ลงนามโดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ทำให้คนในแวดวงเกษตรฯงงกันพอสมควร เพราะปกติ การแต่งตั้งบอร์ด ก.ส.ย.จะเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ


แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่า ปลัดกระทรวงการคลังออกคำสั่งดังกล่าวไปตามมติของ?ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจ? ที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเอง โดยมีการเปลี่ยนตัวกรรมการคนนอก 6 คน ที่น่าสนใจคือ 1 ใน 6 นั้นได้แก่ นายกฤชนนท์ ห่อทองคำ ซึ่งดูแล้วไม่ธรรมดาเลย ไม่เพียงเพราะเป็นบอร์ดที่มีอายุน้อยที่สุดแค่ 34 ปี ที่สำคัญยังเป็นนักธุรกิจใหญ่เจ้าของบริษัท ไอออนิค จำกัด ผู้ผลิตปุ๋ยน้ำและปุ๋ยเม็ดอินทรีย์ ตรานกอินทรีคู่ ที่ร่ำลือกันว่า เป็นโรงงานปุ๋ยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


ขณะที่ ก.ส.ย.กำลังมีโครงการจะจัดซื้อปุ๋ยล็อตใหญ่ถึง 6 หมื่นตัน เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวสวนยาง ซึ่งแต่ก่อน การจัดซื้อปุ๋ยดังกล่าว จะให้สหกรณ์ชาวสวนยางแต่ละพื้นที่ ไปประมูลซื้อกันเอง แต่เที่ยวนี้ มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยก.ส.ย.จะเป็นผู้ประมูลเองทั้งหมด ไม่ผ่านสหกรณ์ชาวสวนยาง ทำให้เริ่มที่จะเกิดการตั้งข้อสงสัยกันขึ้นมา ต่างๆนานา


ราคายางที่ตกต่ำมาก ทำให้ชาวสวนยางรู้สึกแย่มากๆอยู่แล้ว ถ้าการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรฯที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาง ทั้งอ.ส.ย.และก.ส.ย.ยังมาทำให้สงสัยในเรื่องความโปร่งใสขึ้นอีก คงจะเป็นคลื่นใต้น้ำที่รอการระเบิดขึ้นได้แน่ ดังนั้นควรจะเร่งเคลียร์ ตัดไฟเสียแต่ต้นลม


สาโรช บุญแสง